ฮาเดล พญามัจจุราชแห่งปรโลก
เมื่อกล่าวถึงพี่ชายคนโตแห่งเทพซีอุสไปแล้ว ต่อมาคงไม่พ้นพี่ชายคนต่อมาคือ เทพฮาเดส ซึ่งได้รับอำนาจอันชอบธรรมจากเทพซีอุสผู้เป็นน้องชายให้อำนาจหน้าที่ครอบครองนครใต้พิภพ อันมืดไร้แสงสว่างแต่กลับแวววาวด้วยอัญมณีใต้ธรณี โดยพระองค์เป็นประมุขแห่งขุมนรก โดยมีเหล่าวิญญาณอยู่ภายใต้การควบคลุมของเทพฮาเดส พระองค์ทรงมีอาวุธประจำกายคือ คฑาสองง่าม และหมอกล่องหน
มาพูดถึงปรโลกอันเป็นอาณาจักรของเทพฮาเดสกันบ้าง
เขาว่าอาณาจักรปรโลกของเทพฮาเดสอยู่สุดขอบโลกในความเชื่อของกรีก
เมื่อวิญญาณของผู้ที่ล่วงลัีบเมื่อออกจากร่างก็เดินทางมายังอาณาจักรแห่งพระองค์
เทพเฮอร์เมส(ทำหน้าที่คล้ายกับยมฑูต)จะรับวิญญาณและพาเดินทางมายังปรโลก
พอวิญญาณมาถึงปรโลกแล้วจะพบกับแม่น้ำสายใหญ่ แม่น้ำนั้นก็คือ แม่น้ำสติกซ์
วิญญาณจำต้องข้ามแม่น้ำเพราะบัลลังก์ว่าธรรมของเทพฮาเดสอยู่ฝั่งอีกฟากของแม่น้ำ
วิญญาณต้องนั่งเรือแจวของซารอนข้ามแม่น้ำสติกซ์และเข้าเฝ้าเทพฮาเดส โดยวิญญาณต้องเสียเงิน1เหรียญเป็นค่าโดยสาร
เมื่อวิญญาณดวงใดไม่มีจำต้องอยู่ที่นี่โดยความทุกข์ทรมานด้วยความเหน็ดหนาวและสิ้นหวัง
ในพิธีศพของกรีกจึงมีการวางเหรียญไว้บนปากของศพด้วยเพื่อนำไปเป็นค่าโดยสารเรือของชารอนในปรโลก
ชารอนจะพายพาวิญญาณพาแม่น้ำเลเธและให้วิญญาณนั้นดื่มน้ำจากแม่น้ำเพื่อเป็นการชำระล้างความทรงจำของชาติก่อน
พอวิญญาณมาถึงฝั่งและวิญญาณจะเดินทางมาพบประตูใหญ่ซึ่งเป็นประตูปราสาทที่ว่าราชการของเทพฮาเดส
แต่วิญญาณจะต้องพบกันสุนัขเซอร์เบอรัสซึ่งเป็นสุนัข3หัวและมีหางเป็นงู
คอยเห่าให้วิญญาณเกรงกลัว แต่มันจะไม่ทำร้ายวิญญาณเหรอ
แต่หากมีคนที่ยังไม่ตัวเข้ามาล่ะก็หนีให้ทันโดยด่วนเพราะมันจะไม่ปล่อยไว้แน่
แต่ในตำนานก็เคยปรากฏถึงคนเป็นที่สามารถผ่านเจ้าเซอร์เบอรัสมาได้คือ เฮอร์คิวลิส
ออร์ฟิอัส และเจ้าชายเอเนียส (เจ้าชายผ่านโดยใช้ขนมปังล่อไว้...)
วิญญาณเมื่อผ่านเจ้าเซอร์เบอรัสมาแล้วจะเข้าสู่สถานที่อันเป็นที่ว่าราชการของเทพฮาเดส
โดยพระองค์มีขุนนางของพระองค์เป็นคณะตุลาการผู้พิพากษาตัดสินความดีความชั่วของวิญญาณด้วยกัน3ท่าน คือ ราดามานธิส ไมนอส และ อียากัส
วิญญาณของคนที่ทำความดีพวกท่านทั้ง3ก็จะชี้ทางไปยังทุ่งเอลิชิอันฟิลด์ส
ซึ่งเปรียบได้ดั่งสรวงสวรรค์ของคนหลังความตาย
(แต่ไม่ใช่สวรรค์ที่เป็นที่สถิตของเทพเจ้า)
ส่วนวิญญาณของคนที่กระทำความชั่วก็จะนำไปยังขุมนรกที่เรียกว่า
"ทาทารัส"และรับการลงทัณฑ์อย่างทรมาน
แต่สำหรับวิญญาณที่ไม่ดีไม่ชั่วก็จะไปยังทุ่งราบแห่งอัสโฟเดล
ทุ่งเอลิชิอันฟิลด์ส
ทุ่งราบแห่งดอกอัสโฟเดล
ขุมนรกทาทารัส
นอกจากคณะตุลาการแล้ว พระองค์ยังมีเหล่าเทพีมอยเรทั้งสามที่รับใช้เทพฮาเดส
ซึ่งมีหน้าที่กำหนดชะตาของมนุษย์โดย ทั้ง3เทพีจะปั่นเส้นด้าย
คือ เส้นด้ายแห่งชีวิต โดยมีเทพีทั้ง 3 ดังนี้
1. เทพีโคลโธ มีหน้าที่ปั่นฝ้ายให้เกิดเป็นเส้นด้าย (กำเนิดชีวิต)
2. เทพีลาเคซีส ฟั่นด้ายเป็นเชือก (ดำรงชีวิต)
3. เทพีอะโทรพอส คอยตัดเส้นด้ายนั้น (จบชีวิต)
1. เทพีโคลโธ มีหน้าที่ปั่นฝ้ายให้เกิดเป็นเส้นด้าย (กำเนิดชีวิต)
2. เทพีลาเคซีส ฟั่นด้ายเป็นเชือก (ดำรงชีวิต)
3. เทพีอะโทรพอส คอยตัดเส้นด้ายนั้น (จบชีวิต)
เทพฮาเดสนอกจากจะมีเทพและเทพีท่านเหล่านี้เป็นผู้ช่วยในงานของพระองค์
พระองค์ยังมีลูกน้องคนสนิทไว้เรียกใช้งานได้โดยง่ายและเป็นที่ไว้วางใจนั้นคือ
เทพทานาทอส เทพเจ้าแห่งความตาย กับ เทพฮิปนอส เทพเจ้าแห่งนิทรา การหลับใหล
นอกจากเทพเจ้าแล้ว
พระองค์ยังมีปีศาจที่คอยรับหน้าที่ลงทัณฑ์แก่วิญญาณบาปอีกด้วย พวกนางคือ
"อิรินนีอัส" พวกนางรู้จักกันในนามว่า ภูตพยาบาท ประกอบด้วย
1. นางอะเล็กโต
(ผู้ตามล่า)
2. นางเมกร่า (ผู้เครียดแค้น)
3. นางทิชิโฟเน่ (ผู้ล้างแค้น)
พวกนางจะตามจับและใช้อาวุธแทงตามร่างของวิญญาณให้ได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส และ ทนทุกข์ทรมานเป็นอันมาก (บ้านเราก็คงไม่ตายจากนายนิรยบาล)
2. นางเมกร่า (ผู้เครียดแค้น)
3. นางทิชิโฟเน่ (ผู้ล้างแค้น)
พวกนางจะตามจับและใช้อาวุธแทงตามร่างของวิญญาณให้ได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส และ ทนทุกข์ทรมานเป็นอันมาก (บ้านเราก็คงไม่ตายจากนายนิรยบาล)
พระองค์ทรงเป็นประมุขแห่งปรโลก
แต่กลับไร้ซึ่งพระราชินีเคียงข้าง จึงครองความเป็นโสดมาโดยตลอดทั้งๆที่
เทพซีอุสกับเทพโพไซดอนกับมีพระราชินีเคียงข้างและยังมีชายาเล็กชายาน้อยอีก
พระองค์อยู่ท่ามกลางความโดดเดี่ยวมองแต่ดวงวิญญาณที่ลอยผ่านพระองค์ไปดวงแล้วดวงเล่า
จนในที่สุดพระองค์ทรงเบื่อจึงปล่อยให้หน้าที่ของเทพตุลาการกับเทพีแห่งชะตาทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยแทนพระองค์
พระองค์ทรงราชรถเทียมม้าสีดำเหาะขึ้นสู่พื้นพิภพ
พระองค์เจ็บปวดแต่แสงแดดที่กระทบต้ิองดวงตาของพระองค์
"ข้าเกลียดแสงอาทิตย์เสียจริง
มันทำให้ข้าแสบตา..."
พระองค์ชักม้าอย่างแรงและเหาะลอบใต้กลุ่มเมฆบังเอิญผ่านบริเวณทุ่งดอกไม้ที่งดงามของเทพีเพอร์เซโฟนี พระธิดาแห่งเทพีดิมิเตอร์ โพสพเทพี กับ เทพซีอุส เทพีกำลังเล่นสนุกอยู่กับเหล่านางกำนัลที่เป็นนางพราย
เมื่อเทพฮาเดสได้ยินเสียงหัวเราะอันสดใสของเทพีเพอร์เซโฟนีก็เกิดความรักขึ้นมา
"นางนี่เละ ที่จะเป็นพระราชินีแห่งปรโลกคู่กับข้าประมุขแห่งปรภพ"
พระองค์ชักม้าอย่างแรงและเหาะลอบใต้กลุ่มเมฆบังเอิญผ่านบริเวณทุ่งดอกไม้ที่งดงามของเทพีเพอร์เซโฟนี พระธิดาแห่งเทพีดิมิเตอร์ โพสพเทพี กับ เทพซีอุส เทพีกำลังเล่นสนุกอยู่กับเหล่านางกำนัลที่เป็นนางพราย
เมื่อเทพฮาเดสได้ยินเสียงหัวเราะอันสดใสของเทพีเพอร์เซโฟนีก็เกิดความรักขึ้นมา
"นางนี่เละ ที่จะเป็นพระราชินีแห่งปรโลกคู่กับข้าประมุขแห่งปรภพ"
พระองค์ขับราชรถลงต่ำจนถึงตัวเทพีเพอร์เซโฟนี
และพระองค์ก็ใช้แขนข้างหนึ่งอ้อบกอดนางไว้แน่นและเหาะขึ้นสู่ท้องฟ้า
"ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย..."
"ตายแล้ว...นั้นเทพฮาเดสลักพาตัวพระบุตรีทำไงดีพวกเรา"
"เราต้องไปทูลพระเทพี..."
ราชรถแห่งเทพฮาเดสเหาะเหินเหนือเหล่าก้อนเมฆ
"ท่านปล่อยข้านะ..."
"ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า...แม่นางผู้เลอโฉม..."
เทพฮาเดสจ้องที่ดวงตาของเทพีเพอร์เซโฟนี
"ข้าชอบแววตาที่สดใสของเจ้า และเสียงหัวเราะมันกังวาลอยู่ในหัวใจของข้า่...แม่นาง"
ระหว่างทางนั้นเบื้องล่างเป็นแม่น้ำไซเอนี เทพีก็โยนสายรัดเอวลงสู่แม่น้ำ
"เทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีโปรดบอกพระมารดาข้าด้วยว่าข้าถูกเทพฮาเดสลักพาตัวไป..."
สายรัดเอวล่องสู่แม่น้ำ เทพฮาเดสใช้พลังอำนาจแยกธรณีและลงไปสู่อาณาจักรใต้พิภพของพระองค์ เทพีเพอร์เซโฟนีหวาดกลัว
เทพฮาเดสรีบเร่งราชรถให้เร็วขึ้นไปยังปราสาทที่แสนอลังการที่ประดับอัญมณีที่ระยิบระยับ และเทพฮาเดสให้เทพีประทับในตำหนักหินอ่อนที่โอ่อ่าและต้นไปด้วยต้นทับทิม(มิทราบว่าต้นทับทิมเจริญเติบโตได้ในใต้โลกปราศจากแสงแดด?)
"ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยด้วย..."
"ตายแล้ว...นั้นเทพฮาเดสลักพาตัวพระบุตรีทำไงดีพวกเรา"
"เราต้องไปทูลพระเทพี..."
ราชรถแห่งเทพฮาเดสเหาะเหินเหนือเหล่าก้อนเมฆ
"ท่านปล่อยข้านะ..."
"ข้าจะไม่ปล่อยเจ้า...แม่นางผู้เลอโฉม..."
เทพฮาเดสจ้องที่ดวงตาของเทพีเพอร์เซโฟนี
"ข้าชอบแววตาที่สดใสของเจ้า และเสียงหัวเราะมันกังวาลอยู่ในหัวใจของข้า่...แม่นาง"
ระหว่างทางนั้นเบื้องล่างเป็นแม่น้ำไซเอนี เทพีก็โยนสายรัดเอวลงสู่แม่น้ำ
"เทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีโปรดบอกพระมารดาข้าด้วยว่าข้าถูกเทพฮาเดสลักพาตัวไป..."
สายรัดเอวล่องสู่แม่น้ำ เทพฮาเดสใช้พลังอำนาจแยกธรณีและลงไปสู่อาณาจักรใต้พิภพของพระองค์ เทพีเพอร์เซโฟนีหวาดกลัว
เทพฮาเดสรีบเร่งราชรถให้เร็วขึ้นไปยังปราสาทที่แสนอลังการที่ประดับอัญมณีที่ระยิบระยับ และเทพฮาเดสให้เทพีประทับในตำหนักหินอ่อนที่โอ่อ่าและต้นไปด้วยต้นทับทิม(มิทราบว่าต้นทับทิมเจริญเติบโตได้ในใต้โลกปราศจากแสงแดด?)
ทางฝ่ายเทพีดิมิเตอร์ไำม่ทราบว่าพระบุตรีอันเป็นที่รักหายไปนางก็โศกเศร้าทำให้เกิดความแห้งแล้ง
ด้วยพระเทพีเป็นเทพีแห่งความเจริญงอกงามของความอุดมสมบูรณ์จึงพาเอาความเจริญสมบูรณ์หายไปด้วย
"เพอร์เซโฟนีลูกแม่....เจ้าหายไปไหน...."
พระเทพีทั้งร้องไห้ทั้งเสียใจ และออกตามหาพระบุตรีไปทุกที่ โลกมนุษย์เกิดความเตือนร้อนเมื่อผลไม้และธัญหารไม่เจริญงอกงามแต่กลับเหี่ยวเฉาล้มตายไป
"เพอร์เซโฟนีลูกแม่...เจ้าอยู่ไหน..."
พระเทพีจากร่างของหญิงสาวที่งดงามกลับกลายเป็นร่างของหญิงชราที่ใบหน้ามีแต่ความอมทุกข์ พระเทพีเดินเรียกหาแต่พระบุตรี
"เพอร์เซโฟนี ลูกอยู่ไหน..."
ในขณะนั้นพระเทพีผ่านมายังนครอีลูซิส ตอนนั้นเจ้าหญิง กำลังเดินเล่นอยู่ก็พบกับพระเทพีในร่างหญิงชรานอนสลบอยู่ เจ้าหญิงพามารักษาในตำหนักของพระองค์ เจ้าหญิงเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ พระเทพีก็ฟื้นขึ้น
"ที่นี่มันที่ไหนกัน..."
"คุณยายค่ะ ที่นี่พระราชวังแห่งนครอีลูซิสค่ะ"
"พระราชวัง เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"
"ก็คุณยายมาเป็นลมสลบอยู่หน้าพระราชวังนี่ค่ะ หนูเห็นเข้าเลยช่วยกันพาคุณยายมารักษาที่ตำหนักของหนู"
"ต้องขอขอบพระทัยองค์หญิงมากเพคะ แต่หม่อมฉันต้องมีเรื่องด่วนต้องทำ"
"ท่านยายดูอาการท่านยังไม่หายดีเลยนะค่ะ อยู่รักษาตัวสักหน่อยนะค่ะ"
จากนั้นพระเทพีก็ประทับอยู่ในพระราชวัง ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหญิง พระราชาและพระราชินีก็ให้ความเอาใจใส่เช่นกัน จนพระเทพีมีอาการดีขึ้น
"เพอร์เซโฟนีลูกแม่....เจ้าหายไปไหน...."
พระเทพีทั้งร้องไห้ทั้งเสียใจ และออกตามหาพระบุตรีไปทุกที่ โลกมนุษย์เกิดความเตือนร้อนเมื่อผลไม้และธัญหารไม่เจริญงอกงามแต่กลับเหี่ยวเฉาล้มตายไป
"เพอร์เซโฟนีลูกแม่...เจ้าอยู่ไหน..."
พระเทพีจากร่างของหญิงสาวที่งดงามกลับกลายเป็นร่างของหญิงชราที่ใบหน้ามีแต่ความอมทุกข์ พระเทพีเดินเรียกหาแต่พระบุตรี
"เพอร์เซโฟนี ลูกอยู่ไหน..."
ในขณะนั้นพระเทพีผ่านมายังนครอีลูซิส ตอนนั้นเจ้าหญิง กำลังเดินเล่นอยู่ก็พบกับพระเทพีในร่างหญิงชรานอนสลบอยู่ เจ้าหญิงพามารักษาในตำหนักของพระองค์ เจ้าหญิงเช็ดหน้าเช็ดตัวให้ พระเทพีก็ฟื้นขึ้น
"ที่นี่มันที่ไหนกัน..."
"คุณยายค่ะ ที่นี่พระราชวังแห่งนครอีลูซิสค่ะ"
"พระราชวัง เรามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"
"ก็คุณยายมาเป็นลมสลบอยู่หน้าพระราชวังนี่ค่ะ หนูเห็นเข้าเลยช่วยกันพาคุณยายมารักษาที่ตำหนักของหนู"
"ต้องขอขอบพระทัยองค์หญิงมากเพคะ แต่หม่อมฉันต้องมีเรื่องด่วนต้องทำ"
"ท่านยายดูอาการท่านยังไม่หายดีเลยนะค่ะ อยู่รักษาตัวสักหน่อยนะค่ะ"
จากนั้นพระเทพีก็ประทับอยู่ในพระราชวัง ด้วยความช่วยเหลือของเจ้าหญิง พระราชาและพระราชินีก็ให้ความเอาใจใส่เช่นกัน จนพระเทพีมีอาการดีขึ้น
ระหว่างที่พระเทพีรักษาองค์นั้น
พระองค์ก็ได้ช่วยพระราชินีเลี้ยงดูพระโอรสองค์น้อยที่น่ารัก
พระเทพีเลี้ยงไปก็คิดถึงพระบุตรีทุกครั้ง
วันหนึ่งพระเทพีคิดอยากให้พระโอรสองค์น้อยนี้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงจึงแอบทำพิธีในตอนกลางคืน
พระเทพีจุดไฟในเตาผิงและนำพระโอรสนอนลอยอยู่เหนือไฟ พร้อมบริกรรมคาถาไปด้วย
ไฟก็แผกเผาร่างของพระโอรส
"กรี๊ด......................คุณยายบ้าไปแล้วเหรอ"
เจ้าหญิงที่แอบดูสถานการณ์ก็ตกใจเมื่อเห็นไฟแผกเผาน้องชาย แต่พอองค์หญิงอุ้มน้องชายขึ้นมากับกองไฟได้ก็ประหลาดใจที่ไฟนั้นกลับไม่ร้อนแต่มันกลับเย็นสบาย และน้องชายยังคงหลับนิ่งอยู่และเนื้อตัวก็ไม่มีแผลจากไฟ เจ้าหญิงสัมผัสได้ถึงรัศมีที่จางมาก พอนางหันไปข้างก็ปรากฏว่า หญิงชรากลายเป็นหญิงงาม
"อะไรกันองค์หญิง...หม่อมฉันมิได้เป็นแม่มดหมอผี แต่หม่อมฉันคือ เทพีดิมิเตอร์...."
"อะไรนะ..."
เจ้าหญิงนั่งลงคุกเข่า
"ขออภัยท่านเทพเจ้า หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่"
พระเทพีลงคุกเข่าเช่นกัน
"ไม่ต้องมาทำอย่างไรหรอกองค์หญิงผู้อารีของข้า การที่ข้ากระทำต่อองค์ชายน้อยนี้เป็นการช่วยให้องค์ชายเมื่อเติบโตไปจะมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงและจะได้เป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่"
"ขอบพระทัยท่านเทพเจ้า"
"กรี๊ด......................คุณยายบ้าไปแล้วเหรอ"
เจ้าหญิงที่แอบดูสถานการณ์ก็ตกใจเมื่อเห็นไฟแผกเผาน้องชาย แต่พอองค์หญิงอุ้มน้องชายขึ้นมากับกองไฟได้ก็ประหลาดใจที่ไฟนั้นกลับไม่ร้อนแต่มันกลับเย็นสบาย และน้องชายยังคงหลับนิ่งอยู่และเนื้อตัวก็ไม่มีแผลจากไฟ เจ้าหญิงสัมผัสได้ถึงรัศมีที่จางมาก พอนางหันไปข้างก็ปรากฏว่า หญิงชรากลายเป็นหญิงงาม
"อะไรกันองค์หญิง...หม่อมฉันมิได้เป็นแม่มดหมอผี แต่หม่อมฉันคือ เทพีดิมิเตอร์...."
"อะไรนะ..."
เจ้าหญิงนั่งลงคุกเข่า
"ขออภัยท่านเทพเจ้า หม่อมฉันมีตาหามีแววไม่"
พระเทพีลงคุกเข่าเช่นกัน
"ไม่ต้องมาทำอย่างไรหรอกองค์หญิงผู้อารีของข้า การที่ข้ากระทำต่อองค์ชายน้อยนี้เป็นการช่วยให้องค์ชายเมื่อเติบโตไปจะมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรงและจะได้เป็นพระราชาที่ยิ่งใหญ่"
"ขอบพระทัยท่านเทพเจ้า"
พระเทพียิ้มและหายองค์วับหายไปพร้อมกับรัศมี
พระเทพีออกตามหาพระบุตรีอันเป็นที่รักต่อจนมาถึงแม่น้ำไซเอนี
"เพอร์เซโฟนี...ลูกแม่เจ้าอยู่ไหน..."
เทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีก็ปรากฎกายขึ้นมา
"ข้าแต่พระโพสพเทพี ข้าเทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีเพคะ"
"เจ้ามาหาข้ามีเหตุอันใด"
และเทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีก็มอบสายรัดเอวแก่พระเทพี
"นี่มัน...สายรัดเอวของลูกข้า..."
"เพคะ พระเทพี วันนั้นหม่อมฉันเห็นพระบุตรีถูกเทพฮาเดสลักพาตัวเพคะ และพระบุตรีก็ฝากสายรัดเอวนี้ให้หม่อมฉันมามอบแก่พระเทพีเพคะ"
"ที่แท้ ฮาเดสเป็นตัีวการ"
พระเทพีพิโรธเป็นอันมาก เข้าเฝ้าเทพซีอุสโดยแจ้่งเรื่องที่เทพฮาเดสลักพาตัวพระบุตรีไป เทพซีอุสจึงออกคำขาดว่า
"หากพระบุตรีไม่กินอะไรในแดนปรภพ นางจะกลับมาอยู่กับเทพีตลอดกาล"
"เพอร์เซโฟนี...ลูกแม่เจ้าอยู่ไหน..."
เทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีก็ปรากฎกายขึ้นมา
"ข้าแต่พระโพสพเทพี ข้าเทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีเพคะ"
"เจ้ามาหาข้ามีเหตุอันใด"
และเทพีแห่งแม่น้ำไซเอนีก็มอบสายรัดเอวแก่พระเทพี
"นี่มัน...สายรัดเอวของลูกข้า..."
"เพคะ พระเทพี วันนั้นหม่อมฉันเห็นพระบุตรีถูกเทพฮาเดสลักพาตัวเพคะ และพระบุตรีก็ฝากสายรัดเอวนี้ให้หม่อมฉันมามอบแก่พระเทพีเพคะ"
"ที่แท้ ฮาเดสเป็นตัีวการ"
พระเทพีพิโรธเป็นอันมาก เข้าเฝ้าเทพซีอุสโดยแจ้่งเรื่องที่เทพฮาเดสลักพาตัวพระบุตรีไป เทพซีอุสจึงออกคำขาดว่า
"หากพระบุตรีไม่กินอะไรในแดนปรภพ นางจะกลับมาอยู่กับเทพีตลอดกาล"
เทพซีอุสจึงสั่งให้เทพเฮอร์เมสไปรับพระบุตรีมา
แต่พระุบุตรีได้กินผลทับทิมไปแล้ว 4 เม็ด
เทพฮาเดสจึงไม่ยอมให้พระบุตรีกลับคืนสู่เทพีดิมิเตอร์ เทพซีอุสจึงตัดสินว่า
"เมื่อเทพีเพอร์เซโฟนีกินเม็ดทับทิมไปแล้ว 4 เม็ดซึ่งข้าเคยกล่าวไปแล้้วหากนางกินของๆแดนปรภพจำต้องอยู่ที่นั้น แต่เห็นแก่ว่าจะเป็นการพรากแม่พรากลูก ข้าจึงขอตัดสินว่า เทพีเพอร์เซโฟนีจะเป็นพระราชินีแห่งปรโลกเป็นเวลา 4 เดือน และกลับมาอยู่เป็นเทพีดิมิเตอร์ผู้เป็นมารดาเป็นเวลา 8 เดือน "
"เมื่อเทพีเพอร์เซโฟนีกินเม็ดทับทิมไปแล้ว 4 เม็ดซึ่งข้าเคยกล่าวไปแล้้วหากนางกินของๆแดนปรภพจำต้องอยู่ที่นั้น แต่เห็นแก่ว่าจะเป็นการพรากแม่พรากลูก ข้าจึงขอตัดสินว่า เทพีเพอร์เซโฟนีจะเป็นพระราชินีแห่งปรโลกเป็นเวลา 4 เดือน และกลับมาอยู่เป็นเทพีดิมิเตอร์ผู้เป็นมารดาเป็นเวลา 8 เดือน "
จากนั้นมาเทพฮาเดสก็ได้เทพีเพอร์เซโฟนีเป็นพระราชินีจนได้ แต่พระองค์ต้องเหงาเมื่อห่างจากพระราชินีอันเป็นที่รักถึง
8 เดือน
ต้องยอมให้เทพีเพอร์เซโฟนีไปอยู่เทพีดิมิเตอร์เพราะที่แท้พระเทพีเป็นพระพี่นางของพระองค์
ซึ่งเท่ากับเทพีเพอร์เซโฟนีเป็นหลานสาวแท้ๆของพระองค์เช่นกัน
(น้ากับหลานได้กัน...!!!)
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตำนานเทพเจ้า.... ถึงพระองค์จะรักพระราชินีของพระองค์มากก็ตาม แต่พระองค์ยังมีการนอกใจพอเป็นน้ำจิ้มน้ำจิ้มขำขำแต่ เหล่านางที่ตกเป็นชายาเก็บนี่ซิถึงฆาตทุกคนในน้ำมือของเทพีเพอร์เซโฟนีที่แสนดีและสง่าผู้นี้
อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตำนานเทพเจ้า.... ถึงพระองค์จะรักพระราชินีของพระองค์มากก็ตาม แต่พระองค์ยังมีการนอกใจพอเป็นน้ำจิ้มน้ำจิ้มขำขำแต่ เหล่านางที่ตกเป็นชายาเก็บนี่ซิถึงฆาตทุกคนในน้ำมือของเทพีเพอร์เซโฟนีที่แสนดีและสง่าผู้นี้
ในตำนานกล่าว่าด้วยความเหงาเดียวดายพระองค์จึงไปกุ๊กกิ๊กกับนางพรายน้ำนามว่า
"เลอซี" พระํิธิดาแห่งเทพโอเซียนัส
แต่นางกลับอายุสั้นเหลือเกินมาป่วยตาย
เทพฮาเดสผู้น่าสงสารจึงเนรมิตร่างของนางกลายเป็นต้นพ็อปลาร์ขาว
แต่ความจริงนางเป็นถึงเทพที่มีชีิวิตอมตะแต่กลับมาป่วยเช่นนี้อาจเป็นฝีมือ...........!!!
(รู้อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องบอก)
ชายาน้อยองค์ต่อมา เคราะห์ก็มาตกกับนางไม้ผู้แสนสวย นามว่า
"มินธี" เทพฮาเดสรักนางมาก เทพีเพอร์เซโฟนี
พระราชินีผู้ที่เทพฮาเดสเทิดทูนว่าเป็นพระราชินีที่แสนดีและสง่างาม
และกลับมาสังหารนางอันเป็นที่รักโดยมีเทพีดิมิเตอร์ร่วมด้วยช่วยกันเอาซะตายคาที่
เทพฮาเดสกลับถึงร้องไห้ออกมา
พระองค์ไม่คิดเลยว่าพระราชินีที่พระองค์เทิดทูนจะมีความโหดร้่ายเช่นนี้
พระองค์เนรมิตร่างของนางไม้มินธีให้กลายเป็นต้นมิ้ท
(บ้านเราก็เจ้าต้นสาระเหน่นั้นเละ) ซึ่งกลายเป็นต้นไม้ประจำพระองค์ (คงรักนางมากซิ
น่าสงสาร)
เทพฮาเดสเป็นผู้ที่ไม่ประสบความสำเร็จในความรักเช่นอย่าง
เทพซีอุสและเทพโพไซดอน พระองค์คงคิดว่าได้เทพีเพอร์เซโฟนีมาเป็นพระราชินีแล้ว
คงจะเป็นพระชายาที่พระองค์จะทุบเทความรักให้
เพราะพระองค์รักและปรารถนาจะดูแลนางและครองคู่กันไปตลอดกาล
แต่พระนางแต่เดิมทรงเป็นเทพีผู้น่ารักและสดใส
พอมาอยู่กับพระองค์กลับกลายเป็นเทพีผู้มีจิตใจเย็นชาและโหดเหี้ยมเพียงนี้
ดูๆไปก็สมกับตำแหน่งราชินีแห่งปรโลก...
แต่ยังไงพระองค์ก็ยังคงนั่งเคียงข้างบัลลังก์แห่งปรโลกด้วยกันตลอดมา























ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น